พลาสติกคลุมโรงเรือน

พลาสติกคลุมโรงเรือน หรือ พลาสติกโรงเรือน (Greenhouse Cover Film) ผลิตจากพลาสติกโพลีเอทิลีนความหนาแน่นความหนาแน่นต่ำ (LDPE) คุณภาพสูง ผสมสารป้องกันแสงUV ช่วยเพิ่มความทนทานต่อแสงแดด ยืดอายุการใช้งาน ไม่ฉีกขาดง่าย กันน้ำได้100%

การติดตั้งพลาสติกใสคลุมโรงเรือน จะติดตั้งเข้ากับโครงเหล็กหรือโครงสร้างหลักของโรงเรือน โดยใช้อุปกรณ์ยึดล็อคโดยเฉพาะ ได้แก่ คลิปล็อค เพื่อยึดโครงสร้างหลักกับพลาสติกคลุมโรงเรือนเข้าด้วยกัน

พลาสติกคลุมโรงเรือน คืออะไร? และ ทำไมจึงจำเป็นต่อการเกษตรสมัยใหม่?

พลาสติกคลุมโรงเรือน (Greenhouse Plastic) คือ แผ่นพลาสติกชนิดพิเศษที่ใช้สำหรับมุงหรือคลุมโครงสร้างโรงเรือนทั้งหมด เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมปัจจัยภายนอก เช่น อุณหภูมิ, ความชื้น, แสงสว่าง และ การเข้าถึงของศัตรูพืช

• ควบคุมอุณหภูมิ: ช่วยกักเก็บความร้อนภายในโรงเรือนในเวลากลางคืน และช่วยลดความผันผวนของอุณหภูมิระหว่างวัน
• กรองแสงแดด: พลาสติกคลุมโรงเรือน บางชนิดมีคุณสมบัติในการกระจายแสง (Diffusion) ทำให้พืชได้รับแสงสม่ำเสมอ ลดปัญหาใบไหม้
• ป้องกันศัตรูพืช: เป็นเกราะป้องกันแมลง, นก และสัตว์อื่น ๆ ไม่ให้เข้าถึงพืชผล ลดความเสียหายและการใช้สารเคมี

การปลูกพืชภายในโรงเรือน ที่ใช้พลาสติกคลุมโรงเรือน เป็นลักษณะการปลูกพืชในสภาพแวดล้อมปิด ทำให้ควบคุมสภาพแวดล้อมต่างๆภายในโรงเรือนให้เหมาะกับการเจริญเติบโตของพืชได้ง่าย เช่น อุณหภูมิ, ความชื้น และการกระจายแสง และช่วยป้องกันผลกระทบจากสภาพแวดล้อมภายนอกหรือภัยจากธรรมชาติ เช่น โรคพืชต่างๆ, แมลง, วัชพืช, ลมแรง, น้ำค้าง, น้ำฝน  ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช ช่วยให้เพาะปลูกพืชได้ตลอดทั้งปีหรือนอกฤดูกาลได้ และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายพวกสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงต่างๆ ส่งผลต่อคุณภาพดินที่ดีและไม่เป็นอันตรายต่อผู้เพาะปลูก รวมถึงผู้บริโภคด้วย

พลาสติกคลุมโรงเรือนที่เราจัดจำหน่าย มีขนาดดังนี้

• ความหนา (มิลลิเมตร) : 0.10 , 0.15, 0.20 และ 0.25
• ความกว้าง (เมตร) : 3 และ 4
• ปริมาณสารป้องกันยูวี : 7%
• ความยาวต่อม้วน (เมตร) : 50 และ 100 เมตร
• ตัดแบ่งขายได้

• การเลือก %สารป้องกันUV : พลาสติกคลุมโรงเรือนที่มีอยู่ในท้องตลาดจะมีตั้งแต่พลาสติกที่ไม่ใส่สารป้องกันแสงยูวีเลย หรือแบบใส่สารป้องกันแสงยูวี ซึ่งมีตั้งแต่ 3% , 5% จนถึง 7%

สำหรับลูกค้าที่ลองทำเล่นภายในบ้าน หรือทำชั่วคร่าว เล็กๆน้อยๆสามารถเลือกพลาสติกคลุมโรงเรือนแบบไม่สารป้องกันแสงยูวี หรือเลือกแบบใส่สารป้องกันแสงยูวีน้อยๆได้ เนื่องจากจะมีราคาที่ถูกกว่า

อย่างไรก็ตามถ้าต้องการสร้างโรงเรือน เพื่อทำการปลูกฟืชหรือต้นไม้จริงจังแบบมืออาชีพ เพื่อทำการค้า เราแนะนำว่าควรเลือกใช้พลาสติกคลุมโรงเรือน รุ่นผสมสารป้องกันแสงยูวี7% จะเหมาะสมกว่า เนื่องจากจะช่วยลดทอนแสงยูวีและแสงอินฟราเรดที่เป็นอันตรายต่อพืชได้ดีกว่า อีกทั้งตัวพลาสติกก็มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าด้วย

• การเลือกความหนาของพลาสติกคลุมโรงเรือน : พลาสติกโรงเรือนที่มีความหนามากกว่าจะทนทานต่อการฉีดขาดได้ดีกว่า มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า รวมถึงมีความต้านทานต่อสภาพฝนฟ้าอากาศได้ดีกว่า อย่างไรก็ตามการเลือกซื้อก็ต้องคำนึงถึงงบประมาณที่มีด้วย เนื่องจากพลาสติกคลุมโรงเรือนที่มีความหนามากกว่า ก็จะมีราคาที่สูงกว่าด้วย
• การเลือกขนาดความกว้าง ความยาว : ควรเลือกขนาดของพลาสติกคลุมโรงเรือนให้ใหญ่กว่าโครงสร้างโรงเรือนที่วัดได้ เผื่อในจุดที่ต้องมีการวางซ้อนทับกัน หรือเผื่อกรณีต้องห้อยปลายพลาสติกด้วย

• การใช้พลาสติกคลุมโรงเรือน จะช่วยป้องกันสัตว์ แมลง และศัตรูพืชได้
• การใช้พลาสติกคลุมโรงเรือน จะช่วยให้เราสามารถควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนได้ง่ายขึ้น สามารถควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมกับการปลูกพืชผักในแต่ละชนิดได้
• พลาสติกใสคลุมโรงเรือนจะช่วยลดทอนแสงจำพวกแสงUV และแสง Infrared ที่เป็นอันตรายต่อพืชได้
• พลาสติกคลุมโรงเรือนจะช่วยป้องกันพืช ผัก ผลไม้ จากภัยธรรมชาติ เช่น ลม ฝน ได้
• ช่วยให้ควบคุมปริมาณการใช้สารกำจัดศัตรูพืชได้ง่าย เนื่องจากอยุ่ภายใต้สภาวะแวดล้อมแบบปิด
• ช่วยเพิ่มโอกาสในการเพาะปลูกพืช ผัก ผลไม้ นอกฤดูกาล

• สามารถนำพลาสติกคลุมโรงเรือนมาทำโรงเรือนเลี้ยงสัตว์หรือปลูกพืชที่ใช้ระบบEVAPได้
• นำพลาสติกคลุมโรงเรือนมาสร้างโรงเรือนเพาะชำ โรงเรือนเพาะเห็ด
• ใช้พลาสติกใสคลุมโรงเรือนทั้งหลัง เช่น ทำโรงเรือนแคคตัส เพื่อช่วยควบคุมปัจจัยภายนอกทั้งเรื่องความร้อนของแสงแดด น้ำฝน แมลง ที่มีผลกระทบต่อการเติบโตของต้นไม้
• ใช้พลาสติกคลุมโรงเรือนเฉพาะส่วนหลังคา เพื่อป้องกันแสงแดด ช่วยควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือน ส่วนด้านข้างโดยรอบจะใช้เป็นตาข่ายกันแมลง(มุ้งขาว) เพื่อช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดี โดยควรเลือกขนาดตาของตาข่ายกันแมลง(มุ้งขาว) ให้เหมาะสมกับพืชที่ปลูก สามารถคลิกดูรายละเอียด ตาข่ายกันแมลง(มุ้งขาว) ได้ที่นี่

การติดตั้งและดูแลพลาสติกคลุมโรงเรือน

• ควรติดตั้งในช่วงเช้าที่แดดไม่แรง เพื่อลดการยืดตัวของพลาสติก
• ใช้โครงสร้างที่แข็งแรง และรัดให้แน่นด้วยลวดล็อกหรือแคลมป์
• หมั่นตรวจสอบจุดที่โดนลมแรงหรือมีการเสียดสี เพื่อป้องกันการฉีกขาด
• หากพบรอยขาด ควรซ่อมทันทีด้วยเทปพลาสติกชนิดพิเศษ